วิธีการซื้อหวยรัฐบาลเขาซื้อกันอย่างไร

วิธีการซื้อหวยหรือวิธีการเล่นหวยของรัฐบาลนั้นไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ หวยรัฐบาลหรือชาวบ้านจะเรียนกันว่าหวยใต้ดินซึ่งทั้งสองหวยนี้จะมีความที่เหมือนกันมากแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมด ซึ่งการซื้อหวยของรัฐบาลก็คือการซื้อหวยที่ถูกกฎหมาย เช่นการซื้อลอตเตอรี่นั้นเอง ซึ่งจะมีขายอยู่ตามท้องถนนเยอะแยะมากมาย 

เราสามารถซื้อได้ทุกคน ซึ่งลอตเตอรี่จะขายในราคาใบละแปดสิบบาทถ้วน แต่พ่อค้าแม่ค้าหวยจะหายกันในราคาหนึ่งร้อยบาทถ้วน ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหวยมักจะขายลอตเตอรี่ที่เกินราคาเสมอ หวยรัฐบาลนั้นจะแบ่งการถูกรางวัลกันหลายรางวัล เรียงตั้งแต่รางวัลที่ใหญ่ที่สุดไปจนถึงรางวัลที่น้อยที่สุด ซึ่งในแต่ละรางวัลก็จะแบ่งออกดังนี้ เราจะเรียงตั้งแต่รางวัลใหญ่สุดไปรางวัลที่เล็กที่สุด รางวัลที่ใหญ่ที่สุดคือ การถูกหวยรางวัลที่หนึ่งนั้นเอง

ซึ่งรางวัลที่หนึ่งนั้น จะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่ หกล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เยอะมากๆและเป็นรางวัลที่คนที่ซื้อหวยต้องการที่จะถูกกันมากที่สุด  รางวัลต่อมาคือรางวัลที่สองนั้นเอง จะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่ สองแสนบาท ซึ่งก็ถือว่ายังเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากๆอยู่ดี ต่อไปเป็นรางวัลที่สามกันบ้าง รางวัลที่สามจะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่ แปดหมื่นบาท

ซึ่งก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย และรางวัลต่อไปคือรางวัลที่สี่ รางวัลที่สี่นั้นจะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่ สี่หมื่นบาท ซึ่งก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่และยังอยู่ในหลักหมื่น รางวัลต่อมาคือรางวัลที่ห้านั้นเอง รางวัลที่ห้าจะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่ สองหมื่นบาทนั้นเอง ส่วนรางวัลต่อไปคือรางวัลข้างเคียง จะได้รางวัลละหนึ่งหมื่นบาท ส่วนรางวัลต่อไปก็จะเป็นรางวัลเลขหน้าสามตัว ซึ่งรางวัลเลขหน้าสามตัวนั้นจะมีมูลค่าอยู่ที่ สี่พันบาล และรางวัลต่อมาคือรางวัลเลขท้ายสามตัว

ซึ่งจะมีมูลค่ารางวัลอยู่ที่สี่พันบาทเช่นกัน และรางวัลสุดท้ายก็คือ รางวัลเลขท้ายสองตัวนั้นเอง รางวัลนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่สองพันบาทนั้นเอง ซึ่งในแต่ละรางวัลก็จะมีมูลค่าที่แตกต่างกันออกไป และในแต่ละรางวัลก็มักจะเป็นที่หมายตาของคนที่เล่นหวยทั้งนั้น เพราะคนที่เล่นหวยส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนแต่คิดว่าตัวเองจะถูกหวยไม่ว่าจะเป็นรางวัลไหนก็ตามสักหนึ่งรางวัลเสมอๆ

และแน่นอนว่าในแต่ละงวดก็มักจะมีคนที่ถูกรางวัลที่ทุกงวด ไม่ว่าจะเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดคือรางวัลที่หนึ่งก็ดีหรือไม่ก็อาจะเป็นรางวัลที่เล็กที่สุดอย่างรางวัลเลขท้ายสองตัวก็ตาม ซึ่งในวันข้างหน้าอาจจะเป็นโอกาสของคุณก็ได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  การแทงหวยออนไลน์ คืออะไร

ทำไมเลิกเล่นหวยไม่ได้

ถ้าถามถึงหวย​ หลายคนคงเข้าใจ​ว่าทำไมถึงเลิกไม่ได้​ ก็มันสนุก​ ลุ้น​ ตื่นเต้น​ ว่างวดนี้จะออกเลขอะไรเลขที่ตนเองซื้อ​ จะถูกไหม​ ส่วนใหญ่​คนที่ชอบเล่นหวยก็จะมีความหวังจะถูกหวยกันทั้งนั้น​ บางคนซื้อเยอะ​ซื้อน้อยตามกำลังซื้อของตัวเอง​ วันนี้จะมายกตัวอย่างจากตัวเอง​เกี่ยวกับเรื่องการเล่นหวย​ หลายครั้งที่ตัดสินใจเลิก​ แต่ก็ไม่เคยเลิกเล่นได้เลย​

สาเหตุที่ทำให้คนเล่น  หวยออนไลน์  เลิกไม่ได้คือ​  คนมันเคยถูก​ แล้วมันเสียดาย​กลัวว่าถ้างวดนี้ไม่ซื้อ​แล้วออก​ คงเสียดายแย่ เราเป็นอีกคนที่ตั้งใจหลายครั้งว่าจะเลิกเล่น​ ในทุก​ๆ​งวดที่หวยออกแล้วเราไม่ถูก​เรามักจะพูดเสมอว่า​ เราจะเลิกเล่นและ​งวดหน้าไม่เล่นแล้ว​ แต่พอถึงเวลาใกล้วันหวยออก​ก็หาเลขเด็ด​เหมือนเดิม​ ซื้อเหมือนเดิม​

การที่เราถูกหวย​มันจะทำให้เรารู้สึกมีความหวัง​ในแต่ละงวดของวันหวยออก​ ว่างวดนี้เราจะถูกไหมนะ​ แต่ละงวดซื้อไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาท​ ซื้อยาวเป็นหน้ากระดาษ​ และถึงเวลาหวยออก​ก็มารอลุ้นกันใจจดใจจ่อว่าจะออกเลขที่เราซื้อหรือป่าว​บางงวดหมดไปหลายพันบาท​ แต่กลับไม่ถูกสักตัว​ งวดนั้นเราก็จะได้ยินคำพูด​ว่า​เลิกแล้ว​หวย​ ไม่เล่นแล้ว​

พอกันที​ ฉันจะเอาเงินที่หมดไปกับการซื้อหวย​มาเก็บแทน​ สร้างวิธีคิดมากมาย​ ซื้อหวยหมดเท่านี้​ งวดหน้าเลิก​เราจะเก็บเงินได้เท่านี้​ ตกเดือนละ​เท่านี้​หลักการและวิธีคิดมากมาย​ เป็นธรรมดาของคนที่หวังแล้วผิดหวัง​ แต่ผ่านไปไม่เกินงวดถัดไปก็ลืม​ แล้วก็เล่นเหมือนเดิม​และจะให้เหตุผลว่า เสียดายนะถ้าไม่ซื้อแล้วมันออกขึ้นมา​ เงินทั้งนั้น​ ข้ออ้างสารพัดสำหรับหาเหตุผลมาสนับสนุน​ ถ้าจะให้เลิกเลยคงทำไม่ได้​แต่ถ้าให้ซื้อน้อยลงอาจจะเป็นทางออกที่ทำได้

ดังนั้น​ ถ้าหากเราเลิกเล่นไม่ได้​เราก็ควรยอมรับและเล่นอย่างมีสติ​ เล่นในกำลังที่เราไหว​ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัว​รวมถึงคนอื่น​เล่นเพื่อความสนุก​ ถ้าถูกให้ถือว่าเป็นโชคดีของเรา​แต่ถ้าไม่ถูกก็ถือว่าเป็นการเสี่ยงโชคและลุ้นสนุกๆ​ ไม่ใช่เล่นจนขาดสติ​ หวังว่าจะถูก​จะรวยจากหวย​ยิ่งซืัอเยอะขึ้น

​ เยอะขึ้น​จนเป็นหนี้เป็นสิน นอกจากจะไม่รวยแล้ว​ชีวิตอาจจะตกต่ำและเดือดร้อนได้​ เพราะฉะนั้นมีสติทุกครั้งในการเล่​ถ้าเลิกไม่ได้​ก็เรียนรูัหาวิธีเล่นยังไงให้ไม่เสียเปรียบและได้เงิน​ มีหลายคนที่รวยเพราะหวย​ มีหลายคนที่จนเพราะหวยเล่นกัน​ และก็มีอีกหลายคนที่เลิกได้​และเลิกไม่ได้เช่นเดียวกัน

 

สูตรหน้าขาวใสลดริ้วรอยสิวหน้าเนียมกระชับภายในหนึ่งอาทิตย์

ไม่ว่าใครๆนั้นก็อยากที่จะมีใบหน้าที่เนียนขาวใสไร้ริ้วรอยกันทั้งนั้นและยิ่งเดี่ยวนี้เป็นช่วงที่คนนั้นเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและดูแลตัวเองกันด้วยเรื่องธรรมชาติโดยที่เอาของธรรมชาตินั้นมาบำรุงผิวหน้าของตัวเองเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่องซึ่งวันนี้เรานั้นจะบอกสูตรที่เรานั้นหาได้ตามท้องถิ่นในครัวเรือนที่มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวน้าของเรานั้นไร้ความหมองคล้ำ หน้าเนียนใสภายในหนึ่งอาทิตย์เราไปดูกันค่ะว่าสูตรอะไรบ้าง 

1.สูตรหัวไชเท้า 

ความจริงแล้วหัวไชเท้านั้นไม่ได้มีดีแค่การทำกับข้าวนะยังสามารถเอามาผอกหน้าโดยการที่เรานั้นนำหัวไชเท้านั้นมาปอกเปลือกจากนั้นเราก็เอามาล้างน้ำแล้วฝานให้เป็นแผ่นบางๆจากนั้นเราก็ไปล้างหน้าให้สะอาดแล้วเอาหัวไชเท้านั้นมาถูบริเวณที่ทำให้เกิดฝ้ากระจุดด่างดำบนใบหน้าแล้วทิ้งเอาไว้ 10 นาทีจากนั้นเราก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดตามปกติ ต่อด้วยการทาครีมบำรุงผิวคือเอาน้ำมันมะพร้าว + น้ำมะนาวสูตรนี้จะช่วยให้ผิวหน้าของเรานั้นขาวขึ้น และริ้วรอยต่างๆตามร่องแก้มอีกด้วยแค่เรานั้นเอาน้ำมะพร้าวและน้ำมะนาวมาผสมกันและใส่ในที่มีปริมาณเท่ากันแล้วเอามาแต้มที่มีรอยบริเวณฝ้ากระจุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนใบหน้าให้ทำเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยในการลบริ้วรอยจากกะให้น้อยลง 

2.กระเทียม  

ให้เรานั้นเอากระเทียมมาปอกเปลือกออกจากนั้นก็มาตำให้ละเอียดจากนั้นเราก็ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยผสมกันให้เข้ากันจากนั้นเราก็ไปล้างหน้าให้สะอาดและก็เช็ดหน้าให้แห้งแล้วให้นำส่วนผสมนั้นมาพอกไว้ที่หน้าทิ้งไว้สัก 15 นาทีจากนั้นค่อยล้างออก  ควรที่จะซ้ำทุกวันภายในวันที่ 3 เรานั้นจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่ใบหน้าของเรานั้นจะดีขึ้น 

3.น้ำมะขามเปียก + น้ำผึ้ง  

สำหรับสูตรนี้จะช่วยบำรุงผิวด้วยวิตามินซีจากน้ำมะขามเปียกและผิวหน้าของคุณจะได้รับความชุ่มชื่นและได้รับสารอาหารจากน้ำผึ้ง เพียงแค่เรานั้นเอามะขามเปียกกับน้ำผึ้งนั้นมาผสมกันแล้วไปตั้งไฟอ่อนๆไม่ต้องให้เดือดเอาแค่พอร้อนๆหลังจากนั้นก็พักไว้ให้อุ่นแล้วก็นำมาพอกทิ้งไว้บนใบหน้าของคนที่มีกระหนา สูตรนี้จะช่วยในเรื่องของรอยกระ 

4.หัวผักกาด 

ใครจะไปรู้ว่าหัวผักกาดสามารถนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับผิวพรรณได้ แค่คุณนำหัวผักกาดมาแบ่งให้เป็นแว่นๆแล้วก็นำไปบดให้ละเอียด จากนั้นก็ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และเบกกิ้งโซดาปรายช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วนำมาพอกทิ้งไว้ที่หน้าประมาณ 10-15 นาทีแต่ถ้าเรานั้นพอกไว้แล้วรู้สึกว่าเรานั้นคันหน้าเราแนะนำว่าให้ลองสูตรอื่น 

 

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

อีสุกไม่สดใส

โรคอีสุกอีใส  เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส  ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่เป็นเด็กส่วนใหญ่  อาการจะคันมีตุ่มขึ้นตามตัว เมื่อเราเอ่ยถึงโรคอีสุกอีใส  ส่วนใหญ่เราจะพบกับเด็กเป็นส่วนใหญ่  เพราะเด็กบางคนไม่ได้รับวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส  หรือรับไม่ครบ  เราเลยยังพบว่ายังมีเด็กเป็นโรคนี้อยู่  

ไม่ใช่ว่าโรคนี้จะเกิดกับเด็กเท่านั้น  ยังเกิดกับคนใกล้ชิดกับฉัน  เธออายุก็เกือบจะ  23  แล้ว โดยตอนแรกเธอก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเธอเป็นอีสุกอีใส  เธอบอกว่าเริ่มแรกเธอมีอาการเหมือนคนจะเป็นหวัด  ตัวร้อนเหมือนจะมีไข้  แต่ไข้ก็ไม่สูง  เธอปวดตามเนื้อตามตัว  อ่อนเพลีย  เบื่ออาหาร มีอาการเป็นแบบนี้อยู่ 2 วัน พอวันที่สาม  เธอเริ่มคันตามร่างการ  มีผื่นขึ้นตามแขนตามขา  และที่แย่ที่สุด  เธอบอกว่าขึ้นที่ใบหน้าของเธอ 

โดยธรรมชาติของวัยรุ่นแล้วจะรักสวยรักงาม  โดยเฉพาะที่ใบหน้าต้องสวยดูดี  แต่พอมีตุ่มขึ้นมาเธอเกิดความเครียดมาก  อายเพื่อนจนไม่อยากออกไปไหน  เธอไปพบหมอ  หมอบอกว่าเป็นโรคอีสุกอีใส  ให้เธอทานยา  พักผ่อนให้เพียงพอ  ไม่แกะหรือเกาบริเวณที่คัน  หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น  สิ่งนี้หมอไม่ต้องบอกก็ได้ 

เพราะอะไรเพราะว่าคนที่รู้ว่าเธอเป็นอีสุกอีใสก็ไม่ค่อยมีคนอยากเข้าใกล้เธออยู่แล้ว

ยิ่งเพื่อนบอกว่าไม่ได้รังเกียจเธอหรอก  แต่เค้ากลัวเค้าติดโรคด้วยเพราะเค้าว่าเค้าเองยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสเลย  ยิ่งเดียวนี้โรคเป็นแปลกๆ  แต่ก่อนว่าใครเคยเป็นอีสุกอีใสแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน  จะไม่เป็นอีสุกอีใสอีก  เธอเองก็ยืนยันนะว่าตอนเด็กเธอเคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง  พอโตมาอีกเธอก็ยังเป็นอีก  อาจจะมีภูมิคุ้มกันน้อย  โรคอาจพัฒนาขึ้นต้านภูมิเก่าก็เป็นได้  แม้นแต่คนที่บ้าน  ก็หลีกเลี่ยงการใช่สิ่งของร่วมกับเธอเช่นกัน           

เธอเองก็ดูและตัวเองอย่างดีเหมือนที่หมอบอกทุดอย่าง  แต่ที่เธอกลุ้มใจมากก็แผลเป็นบนใบหน้าของเธอ   ที่ต้องใช้เวลาในการรักษาค่อยข้างนาน  ยิ่งใบหน้าเป็นหน้าต่าง  เป็นประตูบนแรกที่คนมองกัน  ยิ่งวัยรุ่นความห่วงสวยยังมีมาก  หรือจะทุกคนนั้นแหละที่ห่วงใบหน้าเป็นพิเศษ  ถึงแม้นโรคอีสุกอีใส  จะเป็นโรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรง  แต่ก็สร้างให้ผู้ที่ติดเชื้อเป็นกังวลอยู่มากเช่นกัน

โรคอีสุกอีใสในปัจจุบันนี้มีวัคซีนป้องกันแล้ว  แต่คนเราเมื่อเจอผู้ที่ป่วยเป็นอีสุกอีใสเราก็กลัวอยู่ดี  เพราะถ้ามีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นร่วมด้วยก็น่ากลัวเหมือนกัน  วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือ  เราต้องทำให้ร่างกายเราเองแข็งแรงมากที่สุด  นอกจากสุภาพดีแล้วยังห่างไกลโรคหลายชนิดได้

 

ได้รับการสสนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

สาเหตุของผมที่ร่วง 

เมื่อหลายๆครั้งที่เรานั้นเห็นว่าผมของเรานั้นร่วงเราต้องมองด้วยความที่ว่าตกใจเพราะว่าทำไมถึงได้ร่วงเยอะจังแล้วทุกครั้งที่อาบน้ำและสระผมนั้นก็จะเห็นอีกว่าผมของเรานั้นร่วงเยอะมากบางทีหลุดออกไปกองอยู่ตรงรูระบายน้ำไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆหรือว่าสาวๆนั้นก็ต้องเป็นกังวลกันอย่างมากเพราะเรานั้นคิดว่าอายุของเรานั้นยังน้อยอยู่ทำไมผมถึงร่วงอะไรได้มากขนาดนี้บางครั้งเราก็บำรุงผมของเรานั้นอย่างดีทำไมผมยังบางจนบางครั้งนั้นเราก็ไม่รู้ตัวดังนั้นเราลองมาดูสิว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ผมของเรานั้นร่วง

สระผมนั้นบ่อยเกินไป  ไม่ว่าเรานั้นจะเป็นหนุ่มๆหรือว่าสาวๆนั้นถ้าเราเป็นคนที่ผมที่มันและเรานั้นจำเป็นที่ต้องสระผมนั้นทุกวันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเพราะว่าการที่เรานั้นสระผมบ่อยๆนั้นทำให้ผมของเรานั้นแห้ง  จนกลายเป็นว่าเรานั้นคันศีรษะ ระคายเคืองจนทำให้เรานั้นรู้สึกได้ว่าเรานั้นกลายเป็นรังแคและก็จะทำให้ผมของเรานั้นร่วงในเวลาต่อมา 

หวีผมบ่อยหวีแรง หวีตอนผมนั้นเปียก เมื่อสาวๆนั้นเป็นคนที่รักผมนั้นและต้องคอยที่จะหยิบหวีนั้นขึ้นมาเพื่อที่จะหวีผมของตัวเองนั้นบ่ายหรือว่าชอบหวีผมในขณะที่ผมนั้นยังเปียกอยู่นั้นเพราะว่าเรานั้นอาจจะทำร้ายผมของตัวเองนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะว่าการที่เรานั้นหวีผมทำให้ผมเรานั้นหลุดร่วงมากขึ้นโดยไม่จำเป็นการที่เรานั้นหวีเป็นการเสียดสีกับเส้นผมมากอาจจะเป็นการทำให้ผมของเรานั้นเสียได้เช่นกัน 

ใช้ไดร์ในการที่เรานั้นเป่าผมนั้นร้อนและบ่อยเกิน ความร้อนจากไดร์เป่าผมนอกจากทำให้ผมเรานั้นแห้งเสียได้ง่ายแล้วยังทำให้ผมของเรานั้นร่วงและคัน ขาดความชุ่มชื้นนั้นอีกด้วยจึงทำให้เส้นผมหลุดร่วงจากหนังศีรษะได้ง่ายเพราะดังนั้นเราไม่ควรที่จะเป่าไดร์และใช้ความร้อนที่นานเกินไปหรือว่าบ่อยมากเกินไป

ดัด ย้อม ทำสีผม มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มหรือว่าสาวๆนั้นที่ชอบเรื่องการที่ทำสีผมนั้นเพราะว่าการที่เรานั้นทำสีผมนั้นทำให้ผมของเรานั้นขาดหลุดร่วงและยังทำให้ผมของเรานั้นนั้นชี้ฟูอีกด้วยมีอย่างเดียวที่เรานั้นจะทำได้คือการที่เรานั้นต้องรอให้ผมของเรานั้นยาวแล้วค่อยตัดผมออก อันนี้ยังไม่รวมกับคนบางกลุ่มที่แพ้น้ำยาการทำสีผมนั้นอีกเพราะว่าบางคนนั้นทำแล้วนั้นทำให้หน้าบวม ตาบวม เพราะว่าเรานั้นแพ้น้ำยาการทำสีผมมันน่ากลัวมากใช่ป่ะ

ทานอาหารรสจัด อันนี้หลายคนนั้นอาจจะงงว่าเกี่ยวอะไรกันการที่เรานั้นกินอาหารรสจัดส่งผลให้เรานั้นเป็นความดันโลหิตนั้นสูง เส้นเลือดนั้นหดตัวลง เป็นที่ทำให้เลือดนั้นไปเลี้ยงรากผมนั้นไม่จนทำให้ผมของเรานั้นเริ่มที่จะร่วงได้เพราะว่ารากผมของเรานั้นไม่แข็งแรง 

 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

ป้องกันและฟื้นฟูเพื่อสุขภาพที่ดี

คนที่ฉลาดที่สุดคือคนที่ไม่ได้เห็นว่าสมบัติเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดและเป็นสมบัติคือสุขภาพตัวเรานั่นเองและไม่มีใครรักสุขภาพเท่าตัวเรารักสุขภาพตัวเองด้วย ในมนุษย์นั้นสามารถมีความหนุ่มความสาวได้แม้ว่าอายุเท่าไหร่ก็ตาม ไม่ใช่ว่าเป็นคนแก่แก่แล้วแก่เลย คนวัยรุ่นก็ใช้ชีวิตอย่างประมาทเลยเพราะคิดว่าตัวเองนั้นยังหนุ่มสาวอยู่ซึ่งความคิดแบบนี้นั้นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก

ความเสื่อมคือสิ่งที่ผิดปกติกับร่างกายเราแต่เรานั้นยังไม่รู้หรืออาจจะไม่ได้สนใจหรือระวัง และนี่อาจเป็นสิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนเราแล้วนั่นเอง ความเสื่อที่มาพร้อมกับอายุแน่นอนว่าในช่วงวัยเด็กนั้นก็จะมีโคในวัยเด็ก เช่นเด็กบางคนเป็นภูมิแพ้ ใต้ตาคล้ำ บ้างก็ผมร่าง พัฒนาการช้า ไอคิวต่ำ เป็นต้น ซึ่งถ้าผู้ปกครองนั้นมีความใส่ใจในตัวเด็กว่านี่แหละคือสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นนั่นเอง ถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งนี้นั้นคือความเสื่อมเราก็ต้องหาต่อว่าความเสื่อมนี้นั้นต้นเหตุเกิดมาจากอะไรนั่นเองและนี่เป็นความเสื่อในช่วงวัยเด็ก

เมื่ออายุเริ่มเข้าช่วง 20-30ปี ซึ่งวัยนี้นั้นก็เป็นวัยที่มีความเสื่อเช่นกัน แต่อาจจะเป็นวัยที่มีความเสื่อน้อยกว่าวัยอื่นๆ เพราะเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตทั้งฮอร์โมนต์เพศชายและฮอโมนต์เพศหญิง ทำให้ถึงแม้จะใช้ชีวิตอย่างหนัก เช่นนอนดึก ดื่มแอลกอฮอร์ รับปรทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และต่างๆมากมาย เราต้องคำนึงว่าวันหนึ่งพอเราอายุมากขึ้น ความเสื่อมมากขึ้น ฮอร์โมนต์ตกลงมา เราค่อยไปชดใช้กรรมในช่วงตอนอายุมากๆนั่นเอง

ช่วงอายุ 30-40 ปีเป็นวัยที่เริ่มมีการสร้างครอบครัว แต่ในปัจจุบันนั้นในช่วงวัยนี้ถือเป็นวัยที่มีลูกยากมาก สาเหตุอาจจะเกิดจากการทำงานเยอะหรือความเครียดในการใช้ชีวิตเป็นต้น  ซึ่งจริงๆแล้วการมีลูกยากนั้นก็อาจจะเกิดจาดหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากตัวเราเองทั้งสิ้น ช่วงอายุ40-50ปี เป็นช่วงวัยที่ที่ต้องเตรียมพร้อมในการรับมือเพื่อเข้าสู่วัยทอง หรือเป็นช่วงที่ลูกกำลังเติบโต ต้องทำงานหนัก หน้าที่การงานใหญ่โตขึ้น

ความรับผิดชอบเยอะขึ้น ก็จะเป็นวัยที่มีการใช้ชีวิตมาหนักในช่วงที่เป็นวัยรุ่นนั่นเอง และโรคที่ตรวจพบในคนช่วงวัยนี้ก็คือเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง เป็นต้น แต่ในปัจจุบันโรคพวกนี้นั้นสามารถพบเจอได้ตั้งแต่คนอายุ 20ปีเป็นต้นมา แสดงได้ว่าโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตผิด เช่นการกินอาหารที่ไม่ดี การนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีการออกกำลังกายที่ดี ดังนั้นเราควรจะต้องมีการใช้ชีวิตไม่ว่าจะช่วงวัยไหนให้ดีที่สุดนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  หวยลาวจ่ายบาทละเท่าไร

คาร์บอนมอนออกไซด์ สารในบุหรี่มวน

อีกหนึ่งสารอันตรายตัวสำคัญของบุหรี่มวน จริงๆแล้วสารนี้เป็นสารอันตรายที่เรารู้จักกันดีแล้วในอดีต เพราะมันคือสารอันตรายที่เคยสร้างความปวดหัวให้กับคนทั้งโลกมาแล้ว ในยุคที่รถยนต์เครื่องยนต์น้ำมันดีเซลนั้นรุ่งเรื่อง ก็เป็นยุคที่รถยนต์เพิ่งจะมีนวัตกรรมใหม่ๆของเครื่องยนต์

แต่ยังไม่ได้คิดถึงสภาพของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากนัก ยุคนั้นน้ำมันรถยนต์ที่ถูกเผาไหม้ออกมาก็ได้พ่นก๊าซอันตรายมากมายหลายชนิดออกมา เราอาจจะจำได้ตั้งแต่ยิ่งที่มีสารตะกัว แล้วก็มีรณรงค์กันยกใหญ่ จนสุดท้ายก็หาทางกำจัดเจ้าสารตะกัวออกไปได้ แล้วเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไป แล้วอีกยุคหนึ่งก็ต้องมานั่งปวดหัวกับเจ้า คาร์บอนมอนออกไซด์นี้ ที่ตามถนน มีมากมายจนทำให้หายใจหายคอกันลำบากแทบตายเลยล่ะ พวกรถเมย์นี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ จริงๆแล้วสารตัวนี้ไม่ได้มีกลิ่นหรอก แต่มันมาพร้อมสารตัวอื่นที่โดนเผาไหม้จนเกินเป็นกลิ่นที่เหมือนกับควันท่อไอเสียรถยนต์นั้นเอง ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆได้ทำให้ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์น้อยลงแล้วสำหรับรถยนต์ แต่ก็ยังมีอยู่นะไม่ใช่ว่าหายไปเลย

พอคนในสังคมรู้ถึงโทษของก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์นี้ ก็พากันกลัวแล้วก็รณรงค์จนทำให้ได้รับผลที่ดี เทคโนโลยีของโลกก็ได้เปลี่ยนไปแล้วก็ลดสารพวกนี้ลงจากการสันดาบของรถยนต์นั้นเอง แต่ว่ากับบุหรี่มวน ก็เป็นสิ่งที่สร้างก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมาอย่างมาก ยิ่งคนสูบเยอะเท่าไหร่ ก็ทำให้มันอยู่ในบรรยากาศมากเท่านั้น แต่ก็แปลกที่ทุกคนกลับไม่สนใจมัน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาสูบกันต่อไป

โดยมองความโทษอันร้ายแรงของมัน โทษของเจ้านี้ที่มีผลต่อร่างกายนั้น ส่วนใหญ่จะไปเกิดกับระดับของเม็ดเลือด เพราะมันเป็นตัวร้ายที่ขวางโลกมากๆ ด้วยการขัดขวางไม่ให้พวกออกซิเจนไปอยู่กับเม็ดเลือด นั้นก็หมายความว่า เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายนั้นก็เอาออกซิเจนที่เป็นอาหารของเซลล์ไปได้น้อยลงนั้นเอง ส่งผลให้เกิดอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการหน้ามืดเฉียบพลัน หรือการที่ร่างกายพยายามสร้างเม็ดเลือดเพิ่มขึ้นเพราะเข้าใจผิดว่าเม็ดเลือดน้อยทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยนั้นเอง

แล้วนั้นก็เกิดเป็นผลตามมาคือ ภาวะเลือดข้น เป็นสภาวะที่ทำให้ร่างกายเกิดความดันสูงมากๆ เพราะว่าเม็ดเลือดนั้นมันเยอะเกินไปทำให้มันเป็นข้นๆ แล้วร่างกายก็จะต้องใช้แรงดันมากขึ้นในการดันมันไปตามร่างกาย แล้วนั้นก็ส่งผลให้เกิดเป็นภาระให้กับหัวใจมากเกินไป จนสักวันหนึ่งก็จะกลายเป็นโรคหัวใจได้

นี่คือโทษของสารที่เรียกได้ว่าไม่ได้มีประโยชน์กับร่างกายเลยสักนิด แต่คนเราก็ยังหลับหูหลับตาสูบกันไปต่ออยู่ดี

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ซื้อหวยลาว4ตัว

คุณหรือไม่ว่า จริงๆแล้ว Intermittent Fasting หรือ IF มีอยู่หลายวิธี 

คุณที่เคยได้ยินเรื่อง Intermittent Fasting หรือ IF มา คุณอาจจะได้ยินมาแต่ IF 16/8  เพราะวิธีนี้หรือสูตรนี้เป็นวิธีที่ฮิตที่สุดในบรรดาการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting หรือ IF คุณหรือไม่ว่าจริงๆแล้ว วิธีการทำ Intermittent Fasting หรือ IF นั้นมีหลายวิธีมาก วันนี้เรามีข้อมูลดีๆมากฝากกันค่ะ มีทั้งหมด 6 วีธีกันเลยทีเดียว

Lean Gains หรือ IF 16/8 ที่เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะอย่างดาราดังฮอล์ลีวูด ก็ใช้วิธีนี้กันค่ะ นั้นก็คือการอดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินอาหารได้ 8 ชั่วโมง สำหรับมื้อใหม่บางคนอาจจะเริ่มจากการ อดอาหาร 14 ชั่วโมงและ กินอาหาร 10 ชั่วโมงก่อนก็ได้ จะได้ค่อยๆปรับตัวให้ร่างกายชินมากขึ้น 

Fast 5  หรือ IF 19/5 โหดขึ้นมาอีกนิดสำหรับการทำ Intermittent Fasting เพราะ IF 19/5 นั้นคือการที่คุณต้องอดอาหารนานขึ้นเป็นเวลา 19 ชั่วโมงและ กินอาหารได้แค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น 

Eat Stop Eat หรือ IF แบบ อดอาหาร 1 วันเต็มๆ ซึ่งจะเป็นการทำที่เพิ่มความเข้มข้นเข้าไปอีกเพราะ คุณจะต้องอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมงต่อเนื่อง และอีกวันถึงจะกินอาหารได้ วิธีการนี้ไม่แนะนำให้ทำบ่อย ให้ทำ 1-2 ครั้ง ต่อ สัปดาห์ แนะนำว่าวันที่กินอาหารได้ก็ยังควรเลือกสรรและดูแคลอรีอาหารให้อยู่ตามจำนวนที่เหมาะสมต่อร่างกายนะ ส่วนมือใหม่แนะนำว่าอย่าเพิ่งทำเลยเดี๋ยวคุณจะตบะแตกก่อน และจะทำให้คุณมีอารมณ์แปรปรวนได้ด้วยนะ

5/2 หรือ IF 5/2 คือการกินแบบปกติ 5 วันและอีก 2 วัน  คือการอดอาหาร คุณจะทำ2 วันติดกันหรือห่างกันก็ได้ แต่วิธีนี้ไม่ได้อดแบบไม่ได้กินอะไรทั้งวันนั้น เพียงแต่จะกินน้อยลงแทน ผู้ชายสามารถกินได้ถึง 600 แคลอรี และ ผู้หญิงกินได้ 500 แคลอรี คือกินได้แค่ 1 ใน 4 ของ แคลอรีต่อวันเท่านั้นค่ะ 

Warrior Diet หรือ IF 20/4 คือการอดอาหารเป็นเวลา 20 ชั่วโมงและ กินอาหาร 4 ชั่วโมง หรือ ก็คือกินมื้อใหญ่ๆมื้อเดียวนั้นเอง โดยควงจะเน้นอาหารประเภท โปรตีนและผักให้เยอะๆ และช่วงที่อดให้ดื่มน้ำเยอะๆ หรือ อาหารแคลอรีต่ำๆได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ADF (Aternate Day Fasting) คือ การกินวันเว้นวัน นั้นก็คือเป็นวิธีที่ยากที่สุด เพราะคุณจะต้องอดอาหาร 1 วัน และอีก 1 วัน ถึงจะกินอาหารได้ หรือหากบางคนไม่ไหวจริงๆวันที่อดอาหารจะให้กินอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดที่เป็นทางเลือกในการลดน้ำหนักของ Intermittent Fasting หรือ IF เพื่อนๆลองเลือกวิธีที่คิดว่าเหมาะสมกับร่างกายและสุขภาพของตัวเองกันดูนะคะ

 

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

นอนนั้นสำคัญอย่างไร

การนอนหลับพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของเรา เพราะหากเราพักผ่อนไม่เพียงพอความสามารถในการดำเนินชีวิตในวันนั้นก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ช่วงเวลานอนที่ดีที่สุดนั้นจะอยู่ที่ประมาณไม่เกินสี่ทุ่ม เพราะช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของจะพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

ฉะนั้นแล้วการได้นอนตามเวลาที่ร่างกายของเราต้องการก็จะเป็นผลดีต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน ร่างกายของเราต้องการการพักผ่อนเป็นอย่างมากเพราะหากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเป็นประจำระบบทำงานในร่างกายของเราก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ แน่นอนว่าสุขภาพของเราก็จะทรุดโทรมลงไปได้ สิงที่เห็นได้ชัดเจนคือผิวพรรณที่ดูหมองคล้ำไม่สดชื่น แม้ว่าเราทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าการพักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ว่าหลายๆคนก็ละลายการนอนไป เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเอง ทั้งพฤติกรรมการติดโทรศัพย์

การออกไปเที่ยวยามราตรี และการทำงานที่ไม่เป็นเวลา ส่งผลทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน คุณจะกลายเป็นคนนอนและในที่สุด เมื่อคุณเกิดนอนดึกบ่อยๆขึ้นจนติดเป็นนิสัยพฤติกรรมการนอนไม่หลับก็จะตามมา หลายๆครั้งที่คุณต้องการการพักอย่างจริงจัง แต่ว่าพฤตกรรมการนอนของคุณที่เปลี่ยนไปนั้นส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ และเมื่อคุณนอนไม่หลับสิ่งที่ตามาก็คืออาการหงุ่ดหงิด เพราะนอกจากจะนอนไม่คุณก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอีกด้วย หลายๆคนพึ่งวิธีที่ผิดๆโดยการไปพึ่งยานอนหลับ

ทำให้ทุกครั้งที่คิดจะหลับคุณจะต้องอาศัยยานอนหลับตลอด ซึ่งยาเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก ซึ่งผลดีที่มันช่วยให้คุณนอนหลับได้นั้นหรือเวลาที่คุณเครียดๆยาเหล่านี้ก็มีส่วนที่จะทำให้อาการเหล่านี้ของคุณดีขึ้นได้ แต่ว่าผลเสียที่ตามนั้นหากกินเข้าไปเป็นประจำแล้วจะส่งผลต่อร่างกายคุณ ดังนี้

 

  • คุณจะรู้สึกวิงเวียนศรีษะ ปวดหัว และอาจจะทำให้คุณทรงตัวไม่อยู่จนเกิดอุบัติเหตุได้
  • ยานอนหลับนั้นจะส่งผลทำให้คุณเกิดปัญหาทางระบบทางเดินอาหารได้ เช่น ท้องร่วง และคลื่นไส้อาเจียน
  • คุณจะรู้สึกง่วงระหว่างวันมากขึ้น ซึ่งการง่วงไม่เป็นเวลาของคุณนั้นอาจจะส่งผลร้ายต่อคุณ เช่นหลับในเวลาที่คุณขับรถ และนั่นอาจจะทำให้คุณเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
  • ยานอนหลับจะทำให้คุณมีปัญหาทางด้านความทรงจำระหว่าง และอาจจะส่งผลถึงความทรงจำของคุณในระยะยาวได้
  • คุณจะรู้สึกอาการแพ้ยาที่รุนแรงได้ เช่น บนใบน่า ลิ้น ริมฝีปาก และลำคอคุณก็จะบวม เกิดลมพิษ ผื่น ได้ง่าย ระบบหายใจของคุณจะผิดปกติส่งผลทำให้หายใจลำบากมากขึ้น

 

หากคุณอย่างที่จะทำให้การนอนของคุณนั้เป็นปกติ คุณควรเริ่มที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในบางส่วน เช่น งดการเที่ยวกลาง ติดโทรศัพย์ให้น้อย แบ่งเวลาในการทำงานให้มากขึ้น และหาตัวช่วยที่ถูกวิธีสำหรับการนอนของคุณ เช่นอาจจะหาเทียนหอมมาจุดเพื่อให้กลิ่นหอมเป็นตัวช่วยในการนอนของคุณ เพราะไม่เช่นนั้นคุณก็จะเสียหายการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณอาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่เคย และที่สำคัญอาจจะทำให้เกิดอุบัติซึ่งสามารถทำให้คุณเจ็บตัวได้ซึ่งอาจจะเกิดจากการง่วงไม่เป็นเวลา และหลับใน

 

 

สนับสนุนโดย  สมัครเว็บหวยฮานอย

คุณสามารถแยกออกหรือไม่ว่าไข้หวัดธรรมดากับไข้หวัดใหญ่ต่างกันอย่างไร

ปัญหาการเป็นไข้หวัดเชื่อว่าในแต่ละปี ทุกคนคงเคยเป็นไข้หวัดกันมาบ้างแล้วอาจจะมีอาการปีละ 2-3 ครั้งซึ่งแล้วแต่ความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละคนปัญหาการเป็นไข้หวัดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงคนแก่ที่ชราภาพมากแล้วก็ยังมีโอกาสเป็นไข้หวัดกันได้ ยิ่งในช่วงนี้ที่อาการแปรปรวนเราสามารถเป็นไข้หวัดได้แทบทุกฤดู แต่การเป็นไข้หวัดก็มีหลายสายพันธ์ให้เป็นซึ่งตอนนี้มีทั้งไข้หวัดธรรมดา มีทั้งไข้หวัดใหญ่และยังมีการแตกไปเป็นสายพันธ์ต่างๆอีกด้วย อย่างที่เรารู้กันว่าไข้หวัดใหญ่จะมีอาการที่รุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดาและยังสามารถสร้างอันตรายให้กับชีวิตเราได้มากกว่าไข้หวัดธรรมดาหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

แต่ใครสามารถแยกแยะออกได้หรือไม่ว่าที่เรากำลังป่วยอยู่นี้ เราเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือเราเป็นไข้หวัดใหญ่กันแน่ วันนี้เราจึงข้อมูลการเปรียบเทียบไข้หวัดทั้งสองแบบมาฝากกันเพื่อที่เราจะได้รู้วิธีการรักษาตัวเองเบื้องต้น ซึ่งหากเราเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอแค่เพียงซื้อยามากินเองก็หาย แต่หากเรากำลังเป็นไข้หวัดใหญ่อยู่ละก็ควรจะรีบไปพบแพทย์ทันที

  1.  อาการไข้   สำหรับคนที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา  จะมีอาการของไข้ต่ำๆไม่สูงมากซึ่งเราสามารถหาซื้อยามาทานเอง เช่นยาไทลินอลสำหรับลดไข้กินเพียงแค่ 1-2 วันก็หายแล้ว แต่สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการไข้ขึ้นสูงมาก ถ้ากินยาลดไข้อาการไข้ก็จะลดลงแต่ถ้าหมดฤทธิ์ยาอาการไข้ก็จะกลับมาอีกซึ่งคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการเป็นไข้นานมากกว่า 3-4 วัน
  2. ปวดหัว สำหรับคนที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา   จะปวดหัวแค่นิดหน่อยนอนพักผ่อนไม่นานก็จะหายไปเองหรือครั้งอาการปวดหัวก็ไม่เกิดขึ้นเลย แต่สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่  มักจะมีอาการปวดหัวรุนแรงมากกว่า
  3. ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว    สำหรับคนที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา   จะมีอาการปวดเมื่อยเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่มีอาการเลย  แต่สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ จะมีอาหารปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นอย่างมาก
  4. อาการอ่อนเพลีย  สำหรับคนที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา   จะมีอาการเพลียนิดหน่อยเป็นไม่นานแค่วันหรือสองวันก็ดีขึ้นแล้ว แต่สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่  จะมีอาการอ่อนเพลียหลายวันมากบางครั้งนานเป็นอาทิตย์เลยก็มี
  5. อาการไอ   สำหรับคนที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการไอนิดหน่อย ลักษณะเป็นการไอแบบแห้งๆ      แต่สำหรับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการรุนแรงมากและยังมีเสมะเยอะ ซึงจะมีลักษณะเหนียวๆข้นๆ

 นี่เป็นเพียงแค่อาการบางสวนที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัดกับไข้หวัดใหญ่

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  แทงหวยลาว