จะทำอย่างไรเมื่อคุณเครียดมากเกินไป

ความเครียดเป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ เพราะความเครียดเป็นหนึ่งในอาการที่เกิดขึ้นให้เราเห็นได้บ่อยมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่ยจนทำให้คนส่วนใหญ่นั้นมองว่ามันเป็นอาการที่เกิดขึ้นปกติ แต่รู้หรือว่า ความเครียดเป็นอาการที่ทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

จะทำอย่างไรเมื่อคุณเครียดมากเกินไป ซึ่งถ้าหากเราปล่อยไว้ อาการดังกล่าวก็จะรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายนั่นเอง ความเครียดในสมัยปัจจุบันนี้เกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุมาก ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน รวมไปถึงการใช้ชีวิตอีกด้วย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าอาการนี้เป็นอาการทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ดังนั้น การดูแลตนเองให้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราควรให้ความสนใจ และไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะการที่เราไม่เครียด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับความเครียด และอยากที่จะบรรเทาความเครียด เพื่อให้ตนเองนั้นรู้สึกผ่อนคลาย

เพราะคิดว่าตนเองนั้นมีความเครียดมากเกินไป แบะเกรงว่าจะยิ่งทำร้ายสุขภาพ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการที่จะช่วยให้คุณนั้น สามารถบรรเทาความเครียด จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • การออกกำลังกายช่วย

รู้หรือไม่ว่าการที่เราเครียดมาก ๆ จะยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นเสื่อมสภาพลงได้ง่าย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก   ดังนั้น การที่เราออกกำลังกายเป็นประจำ ถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้เรานั้นรู้สึกผ่อนคลายได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดความเครียดสะสมของเราได้อีกด้วย เนื่องจาการออกกำลังกาย จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเรานั้นหลั่งออกมา ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายนั่นเอง ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังเครียด ๆ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยได้ดีอย่างแน่นอน 

  • การปรับความคิด

คนส่วนใหญ่ที่มีความเครียด มักที่จะมีพฤติกรรมคิดมาก และมีอาการวิตกกังลมากจนเกินไป ซึ่งรู้หรือไม่ว่าอาการนี้เป็นอาการที่อาจทำร้ายสุขภาพร่างกายของเราได้เลยก็ว่าได้ ดังนั้น การที่เราลองปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสม มองโลกในแง่ดี และคิดบวกให้มาก ๆ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เรานั้นมีความเครียดที่ลดลง และไม่คิดมากจนทำให้เราเครียดได้ 

  • การหากิจกรรมทำ

เนื่องการที่เราออกไปหากิจกรรมทำ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง หรือการที่กิจกรรมที่เราชื่นชอบ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรานั้นไม่เครียด เพราะการที่เราได้ออกไปทำกิจกรรมบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้จิตใจของเรานั้นรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เครียด ดังนั้น การพาตัวเองออกไปจากความเครียด ได้ออกไปทำในสิ่งที่เราชอบ เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยหลีดเลี่ยงเราจากความเครียดแล้ว 

3 โรคอันตรายที่เกิดขึ้นจากการนอนไม่พอ

เชื่อว่าการนอนหลับพักผ่อนในสมัยปัจจุบันนี้นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้น นอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย รวมไปถึง การทำให้การใช้ชีวิตในประจำวันนั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

แต่คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากในชีวิตประจำวันนั้นเต็มไปด้วยการทำงานและการใช้ชีวิต

ซึ่งบางคนนั้น จำเป็นที่จะต้องทำงานจนดึกจนส่งผลให้การนอนนั้น ไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอาการต่างๆขึ้น รวมไปถึง อาจส่งผลให้ร่างกายนั้นได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ง่ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การนอนหลับพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม

เพราะปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องได้รับการพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง จึงจะเพียงพอต่อร่างกาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานอนพักผ่อนไม่เพียงพอ แน่นอนว่านอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายของเราเสื่อมเสียแล้ว ยังทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

โรคอันตรายที่เกิดขึ้นจากการนอนไม่พอ อย่างไรก็ตาม เราไปดูกันดีกว่าว่า หากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายอะไรกันได้บ้าง

 

  • โรคหัวใจ

หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่า หากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นจะได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ง่าย เนื่องจากว่าการที่ร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่การนอนน้อยก็ตาม จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นมีความดันโลหิตที่สูงมากกว่าปกติ และแน่นอนว่าหากร่างกายของเราตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจนั่นเอง

  • โรคไขมันในเลือดสูง

รู้หรือไม่ว่า การที่ร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือได้รับการพักผ่อนน้อยนั้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอลออกมามากเกินไป หากร่างกายของเราหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมา แน่นอนว่า จะส่งผลกระทบต่อการสะสมของไขมันอย่างแน่นอน ดังนั้น ยิ่งไขมันของเราถูกสะสมมากขึ้นแค่ไหนก็ตามก็จะยิ่งส่งผลให้ไขมันเหล่านี้ไปอุดตันในเลือดนั่นเอง

  • โรคเบาหวาน

หลายคนอาจจะมองว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อย แต่รู้หรือไม่ว่าโรคเบาหวานก็ถือเป็นหนึ่งในโลกที่เกิดขึ้นจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอได้เช่นกัน เพราะเนื่องจากว่า หากร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายของเราก็จะอ่อนแอง่าย จนส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนอินซูลีน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานั้นหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ผิดปกติ จนส่งผลให้ร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลีน ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวานนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาการปวดหลังสัญญาณเตือนบอกโรค

อาการปวดหลังสัญญาณเตือนบอกโรค โรคภัยไข้เจ็บในสมัยปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งสมัยนี้เราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่

โดยเฉพาะวัยทำงานไปจนถึงผู้สูงอายุ เป็นช่วงวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้สูงมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน เนื่องจากเป็นวัยที่อยู่ในช่วงของการทำงาน วัน ๆ เอาแต่นั่งทำงาน จนไม่มีเวลาได้ไปทำอย่างอื่น แม้กระทั่งการดูแลตนเอง

ซึ่งอาการปวดหลังนั้น สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การนั่งนานเกินไป การยืนนานเกินไป รวมไปถึงการยกของที่หนักเกินไป เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่คนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นอาการที่เกิดปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นนั้น ก็อาจเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคร้ายต่าง ๆ ได้เช่นกัน

ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมีอาการปวดหลัง หรือใครที่อยากรู้ว่าอาการปวดหลังนั้นสามารถบ่งบอกโรคไหนได้บ้าง วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นสัญญาณเตือนโรคไหนได้บ้าง ไปดูกันเลย 

  • โรคกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน

แน่นอนว่าโรคนี้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อของเรานั้นถูกใช้งานมากเกินไป จนส่งผลให้กล้ามเนื้อของเรานั้นเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลันนั่นเอง ซึ่งสำหรับใครที่มีอาการปวดหลังแบบกว้าง ๆ มีอาการก้ม หรือแอ่นหลังไม่ค่อยจะได้ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อกรเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบแบบเฉียบพลัน

  • โรคไตหรือนิ่ว

หลายคนคงจะสงสัยว่า ทั้งสองโรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหลังอย่างไร ซึ่งทั้งสองโรคนี้เกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของร่างกายจากภายใน ไม่ว่าจะเป็น นิ่งนกระเพาะปัสสาวะ หรือมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะจนส่งผลให้เรามีอาการปวดหลังบริเวณเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง    gclubเครดิตฟรี50    รวมไปถึงอาจทำให้เรามีอาการอื่น ๆ ร่วมไปด้วย  ดังนั้น หากใครที่รู้สึกว่าตนเองมีอาการปวดหลังไปจนถึงบั้นเอว ทางที่ดีควรรีบเข้ารับพบแพทย์จะดีที่สุด 

  • โรคหมอนรองกระดูกกดทับ

เป็นโรคที่สามารถบ่งบอกได้ว่า หากเรามีอาการปวดหลัง ซึ่งไม่ว่าเราจะทานยา หรือนอนพักก็ไม่สามารถบรรเทาลงได้ ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สามารถบอกได้ชัดแล้วว่า คุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหมอนรองกระดูกกดทับ ควรรีบเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

ประโยชน์ดี ๆ จากการออกกำลังกายแบบฮิต

การออกกำลังกายแบบฮิต หากพูดถึงเรื่องของการออกกำลังกาย แน่นอนว่าในสมัยปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการเล่นกีฬานั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายได้

รวมไปถึงการมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายในรูปแบบฮิต ยังเป็นการออกกำลังกายที่คนส่วนใหญ่นิยมกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูงในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ

ซึ่งเรียกง่าย ๆ ได้ว่าการออกกำลังกายแบบหนับ สลับเบา หรือในรูปแบบช้า หรือเร็วนั่นเอง ซึ่งการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ แต่ก็สามารถให้ประโยชน์ที่เยอะแก่ร่างกายของเราได้

ดังนั้น วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าประโยชน์ดี ๆ ที่เราจะได้รับจากการออกกำลังกายแบบฮิตนั้นมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย 

  • สามารถเสริมสร้างความอึดและทนทานได้

เนื่องจากการออกำลังกายที่ดี หลายคนมักที่จะมีความต้องการให้ร่างกายมีความแข็งแรง ทนทาน หรือมีความอึดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายในรูปแบบฮิต สามารถช่วยเพิ่มความอึด ทนให้แก่ร่างกายของเราได้ เพราะการที่เราออกกำลังกายในรูปแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อของเรามีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความอึด สามารถเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้นานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

  • สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินไป

แน่นอนว่าการเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเล่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะยิ่งมีประสิทธิภาพที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าการออกกำลังกายในรูปแบบนี้สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินที่อยู่บริเวณรอบเอวได้เป็นอย่างดี หากออกเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที ก็จะสามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดี รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน 

  • สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้

หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่เราได้แล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันร่างกายจากการเกิดโรคร้ายบางโรคได้อีกด้วย ซึ่งกีฬาประเภทนี้จะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี แถมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาภาวะร่างกายที่มีความดื้อต่ออินซูลินอีกด้วย ดังนั้น ขอบอกเลยว่าหากออกติดต่อกันเป็นประจำจะยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

ทำงานหน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี

คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ มักที่จะใช้ชีวิตกันอยู่แต่กับหน้าจอ โดยเฉพาะหน้าจอคอมพิวเตอร์ เนื่องจากว่าในชีวิตประจำวันนั้นเต็มไปด้วยการทำงาน จนทำให้ต้องปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย และทำให้ร่างกายนั้นเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมากทีหลัง

การที่เราไม่สนใจในการดูแลสุขภาพร่างกาย จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งยัง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในประจำวันอีกด้วย ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การมีสุขภาพร่างกายเราดีนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรให้ความใส่ใจ

และไม่ควรมองข้าม ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่หน้าจอนานแค่ไหน หรือบ่อยแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาของสุขภาพตา เพราเป็นอวัยวะที่ถือว่าทำงานหนักเป็นอย่างมาก

ทำงานหน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี หากไม่ใส่ใจ หรือดูแลเป็นอย่างดี สายตาของเราก็จะยิ่งเสื่อมสภาพลง จนอาจส่งผลกระทบอื่น ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้น สำหรับใครที่ทำงานหนักจนทำให้สุขภาพสายตา หรือสุขภาพร่างกายนั้นเสีย วันนี้เราจะมานำการทำงานอยู่หน้าจออย่างไรให้สุขภาพดี เพราะเราทุกคนไปไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานได้ จะมีวิธีไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

1.การพักสายตา

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าสายตาเริ่มปวด เริ่มล้า  เครื่องช่วยฟัง    หรือเริ่มที่จะมองไม่ค่อยเห็น อาจเป็นไปได้ว่าสายตาของคุณนั้นเริ่มที่จะทำงานหนักมากแล้ว ทางที่ดี ควรที่จะออกไปพักสายตาบ้าง เพื่อที่สายตาจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป ซึ่งวิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยทำให้สายตาของคุณนั้นคงสุขภาพดี และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถุงแม้จะพักได้ไม่นาน แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรต่ำกว่า 20 นาที เพื่อที่จะได้ทำให้สายตาของเรารู้สึกสบายขึ้นนั่นเอง 

2.การสวมใส่แว่น

หลายคนคงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า แว่นตาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญต่อสายตาเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเราต้องทำงานอย่างหนัก ๆ จนไม่ได้หยุดพัก ก็ควรที่จะป้องกันสายตาด้วยการเลือกแว่นตาที่สามารถช่วยป้องกันสายตาจากความอันตราย โดยเฉพาอย่างยิ่งแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นแสงที่อาจส่งผลเสียต่อสายตา ดังนั้น การสวมใส่แว่นตาอย่างเหมาะสมนอกจากจะช่วยลดอาการปวดตา ได้แล้ว ยังคงช่วยในการรักษาสุขภาพตาของเราให้ดีได้อีกด้วย 

3.การปรับหน้าจอให้พอดี

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การนั่งทำงานอย่างสาย ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ ดังนั้น หากต้องการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือทำงานอย่างไรให้คงสุขภาพร่างกายที่ดี ซางการปรับหน้าจอคอมให้พอดีก็เป็นสิ่งหนึ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลเสียต่อร่างกายน้อย 

รู้หรือไม่การนอนหลับก็ช่วยลดน้ำหนักได้ 

รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาดูแลสุขภาพร่างกายกันมากขึ้นเรื่อยๆ 

การนอนหลับก็ช่วยลดน้ำหนักได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหันมาออกกำลัง

เพราะคนส่วนใหญ่อาจจะมองว่า การออกกำลังกายนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้รูปร่างของหลายๆคนนั้นสวยและดูดีขึ้นได้ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการลดน้ำหนักในสมัยปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม โดยเฉพาะการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร หรือแม้แต่อาจจะเป็นวิธีการเลือกทานผลิตภัณฑ์ บางชนิด

แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น การนอนหลับพักผ่อน ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถลดน้ำหนักได้ ถึงแม้ว่าหลายๆคนมักที่จะมีพฤติกรรมการนอนดึกหรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

ยิ่งถ้าใครอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าการนอนหลับก็มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีเหตุผลไหนกันบ้างนั้นที่สามารถทำให้การนอน เป็นการลดน้ำหนักได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาได้ออกกำลังกาย อาจจะมีเหตุผลไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

  • การเพิ่มโอกาสในการทานมื้อดึก

รู้หรือไม่ว่าการที่เรารีบเข้านอนหรือเข้านอนตรงตามเวลาอยู่เป็นประจำนั่นจะทำให้เราเพิ่มโอกาสในการลดการทานอาหารมื้อดึกๆหรือของว่างในมื้อดึกให้ลดน้อยลงได้ เพราะแน่นอนว่าในช่วงกลางคืนหรือเด็กๆนั้นร่างกายของคนเราจ๊ะ รู้สึกหิวขึ้นมาจึงทำให้หลายๆคน มักที่จะรับประทานอาหารมื้อดึกๆจนทำให้อ้วนได้ง่ายนั่นเองดังนั้นการที่เราเข้านอนตรงตามเวลาหรือเข้านอนเร็วถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เรานั้นสามารถลดน้ำหนักและควบคุมความหิวของตนเองได้

  • การเผาผลาญไขมัน

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการที่เรานอนดึกเป็นประจำนั้นจะทำให้ร่างกายของเรามีระบบเผาผลาญไขมันที่ลดน้อยลงหรือทำให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ ฉะนั้นสำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักด้วยการนอนหลับก็ควรที่จะเข้านอนให้ตรงตามเวลาหรือนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการเพื่อให้ ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การเกิดภาวะดื้ออินซูลิน

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอินซูลินเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีพฤติกรรมการนอนดึกเป็นประจำ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีพฤติกรรมการนอนดึกเป็นประจำ ร่างกายของเราจะเกิดภาวการณ์ดื้ออินซูลินจึงทำให้มีระบบการทำงานภายในร่างกาย หรือมีระบบเผาผลาญแคลอรี่ที่ลดน้อยลงได้ ฉะนั้น หากไม่อยากให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดื้ออินซูลินจนทำให้เราอ้วนได้ง่ายก็ควรที่จะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบเผาผลาญแคลอรี่ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    เครื่องช่วยฟัง

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้า เป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ซึ่งสมัยปัจจุบันนี้เด็ก  ๆ ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะมาก ๆ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายของเรามีอาการเบื่อหน่าย หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ มีพฤติกรรมการกิน หรือแม้แต่พฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนไป

แน่นอนว่าโรคนี้มีความอันตราถึงขั้นอาจคร่าชีวิตของเราไปเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าโรคนี้ก็ยังเป็นโรคฮิตที่เรามักจะพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ จนทำให้หลาย ๆ คนนั้นอาจจะกลัวบ้าง หรืออาจชินไปกับโรคก็ได้ นอกจากนี้อาการซึมเศร้ายังเป็นอาการที่อาจทำให้เด็ก ๆ นั้นมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปอีกด้วย

รวมไปถึงอาจส่งผลให้เด็ก ๆ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอื่น ๆ ได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย  เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด    ฉะนั้น สำหรับผู้ปกครองคนไหนที่มีความเป็นห่วงว่าลูกตนเอจะเป็นโรคซึมเศร้า หรือสำหรับผู้ปกครองคนไหนที่ลูกกำลังตกเป็นเหยื่อของอาการซึมเศร้า แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาง่าย ๆ เกี่ยวกับการที่ลูกเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดุกันเลย 

1.การรับฟังปัญหาของลุก ๆ อยู่เสมอ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ผู้ป่วยซึมเศร้านั้น เป็นผู้ป่วยที่ค่อนข้างมีโรคส่วนตัวสูง ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ลุก ๆ ของเรามีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม ทางที่ดีก็ควรที่จะคอยรับฟังปัญหา พร้อมพากันคิดค้นหาทางออกให้เจอ เพราะการที่เราเป็นคนที่คอบรับฟังปัญหาต่าง ๆ ของเขา เขาก็จะรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ถ้าหากเราทำแบบนี้ประจำลูกของคุณอาจจะหายจากอาการซึมเศร้าก็ได้ 

2.การคอยดุแลสภาพจิตใจ

แน่นอนว่าจิตใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก การที่เราคอยถะนุถนอมจิตใจของลูก ๆ คอยดุแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงการดุแลสุขภาพร่างกายด้วย เขาจะได้รู้สึกว่าเขาไมได้โดดเดี่ยว แต่เขายังมีครอบครัวที่คอบเป็นกำลังใจ ให้ก้าวผ่านอุปสรรคที่เป็นอยู่ไปได้อย่างไม่โดดเดี่ยวนั่นเอง 

3.การสนับสนุนให้ลูกสนใจในกิจวัตรประจำวัน

รู้หรือไม่ว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นผู้ป่วยที่ชอบอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้น การที่เราคอยสนับสนุน หรือคอยกระตุ้นให้ลูก ๆ หันมาสนใจในการทำกิจกรรมมากยิ่งขึ้น จะเป็นการที่เราเอาตัวพวกเขาออกมาจากโลกส่วนตัว ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราได้กระตุ้นให้เราสนใจกับโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาได้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไรนั่นเอง

3 วิธีแก้ง่วงง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งกาแฟ

กาแฟถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่เลือกดื่มน้ำช่วงเวลาเช้ากันเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้จะมีส่วนผสมของสารคาเฟอีนซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาททำให้ร่างกายของเราตื่นตัว กระปี้กระเป่า และรู้สึกสดชื่น

ในระหว่างวันได้ ซึ่งในแต่ละวันนั้นเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มักที่จะเลือกดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละสองแก้วขึ้นไป เพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนนั้นจะอยู่ภายในร่างกายของเราได้เพียงแค่หกชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้หลายคน มักที่จะดื่มกาแฟไปหลายแก้วติดต่อกัน

ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราดื่มกาแฟถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ระบบประสาทของเราเกิดการตื่นตัวแต่ในขณะเดียวกันยิ่งถ้าเราดื่มเยอะมากจนเกินไป

ก็อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน เพราะกาแฟก็ไม่ได้ช่วยหรือมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเสมอไป ถึงแม้ว่าจะช่วยบรรเทาความง่วงได้มากแค่ไหนก็ตาม ฉะนั้น สำหรับใครที่มักมีอาการง่วงในระหว่างวันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้อยากดื่มกาแฟหรือไม่ได้ชื่นชอบการดื่มกาแฟ วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่ายๆในการแก้ง่วงโดยที่ไม่ต้องพึ่งกาแฟแม้แต่แก้วเดียว ซึ่งก็เป็นวิธีง่ายๆ หากใครที่รู้สึกง่วงแล้วลองทำรับรองได้เลยว่าได้ผลดีอย่างแน่นอน จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

การฟังเพลง เนื่องจากการฟังเพลงโดยเฉพาะเป็นเพลงที่เราชื่นชอบจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นและตื่นตัวได้ง่าย ยิ่งถ้าเรามีความสุขและสนุกสนานไปกับเสียงเพลง เราก็จะยิ่งมีความสุขไปกับการทำงานและไม่รู้สึกง่วงเลยก็ได้ ซึ่งวิธีนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เรานั้นรู้สึกหายง่วงได้

การดื่มน้ำบ่อยๆ แน่นอนว่าน้ำเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่สามารถทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำที่เย็น ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราตื่นตัวได้ง่าย สำหรับใครที่ไม่ชื่นชอบการดื่มกาแฟแต่อยากกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัวอยู่เสมอ การดื่มน้ำบ่อยๆ เป็นประจำถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะกระตุ้นร่างกายของเราให้สดชื่นและไม่รู้สึกง่วงได้นั่นเอง

การออกไปยืดเส้นยืดสาย เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เรานั้นได้พักสายตาจากการทำงานด้วยเช่นกันอีกทั้งยังเป็นวิธีที่ทำให้เรา ไม่รู้สึกง่วงอีกด้วย เพราะการที่เรานั่งนานๆนอกจากจะทำให้เรามีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายยังทำให้เรา รู้สึกง่วงได้ง่ายอีกด้วยฉะนั้น ทางที่ดีเราควรที่จะพักเบรกออกไปยืดเส้นยืดสายสักสิบถึงยี่สิบนาที เพื่อให้ร่างกายของเราเกิดการผ่อนคลายและไม่รู้สึกง่วงนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนจาก.  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

ความทรงจำแรกเท็จ

ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจทั้งสิ้น อย่างเรื่องราวที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้นะเป็นเรื่องราวที่ใกล้ตัวของเรามากๆ แต่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสมอง และความทรงจำ ความทรงจำแรกของคุณคืออะไร คุณจำได้หรือเปล่าแน่นอนว่าหลายคนมีความทรงจำที่ไม่เหมือนกัน 

ความทรงจำแรกเท็จ บางคนมีความทรงจำที่ดี  บางคนมีความทรงจำที่เลวร้าย ซึ่งเป็นความทรงจำนี่แหละเราจะเอามาพูดถึง และเอามานำเสนอให้ทุกคนได้รับรู้กันในวันนี้ มันจะน่าสนใจแค่ไหนไปทำความรู้จักพร้อมกันเลยดีกว่า 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในร่างกายของอวัยวะของมนุษย์นั้น  มีมากมายหลากหลายรูปแบบ  

แต่ละอวัยวะก็มีหน้าที่ทำงานแตกต่างกันออกไป ซึ่งในวันนี้สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงเราจะมาพูดถึงเรื่องของสมองและความทรงจำ  อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวนี้จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ไปทำความรู้จักกับมันพร้อมกันเลยดีกว่า  มีหลายคนเชื่อว่าความทรงจำแรกสุดที่ตัวเองจำได้นั่น

มันคือความทรงจำสมัยที่พวกเขายังเป็นทารก แต่ว่างานวิจัยในปี 2018 ไม่เห็นด้วย โดยนักวิจัยได้ค้นพบว่า ความทรงจำในสมัยเป็นเด็กทารกส่วนใหญ่ไม่ใช่ของจริง แต่มันคือสิ่งที่ผู้คนเข้าใจผิด หรืออาจจะพูดได้ว่า มโนขึ้นมาเองซึ่งจากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 6,600 คน ที่ทุกคนอ้างว่าสามารถจดจำเรื่องราวในช่วงอายุ 9-12 เดือนได้

ซึ่งพบว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความทรงจำนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นคำบอกเล่าจากคนในครอบครัว และเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นมาก็ยอมเคยเห็นและเคยเล่นกับเด็กทารก แน่นอนหากจะมองว่าจะเอาข้อมูลทั้งสองอย่างนี้  มาร่วมกันสนทนาการ   ดึงภาพชีวิตของตัวเองในสมัย ที่ยังเป็นเด็กทารกและสุดท้ายก็เชื่อว่า

  จินตนาการที่ว่านี่คือเรื่องจริงทั้งๆที่ในความเป็นจริง แล้วพัฒนาการของเด็กทารกในช่วงก่อนใช้ภาษา และจดจำสิ่งต่างๆได้    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ     ซึ่งกว่าเด็กๆจะจดจำอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราว ก็เริ่มตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไป  นอกจากเรื่องราวของความทรงจำแรก เป็นความทรงจำที่ไม่จริง ที่เราที่กล่าวไปข้างต้นก็ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสมอง

และความทรงจำอีกมากมาย ที่คุณอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ซึ่งใครหลายๆคนอาจจะตั้งคำถาม และก็ยังคงหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่แต่ก็ยังไม่ได้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับมันเลย อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจอยากศึกษาเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ง่ายๆเพราะว่ามีข้อมูลเหล่านี้ให้ศึกษาได้ภายในอินเตอร์เน็ต

ดูแลสุขภาพร่างกายอย่างไรเมื่อหายป่วย

สมัยปัจจุบันนี้การดูแลสุขภาพร่างกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะเนื่องจากว่าสมัยนี้โรคภัยไข้เจ็บนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การดูแลสุขภาพร่างกายเพียงอย่างเดียวจึงไม่พอที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

รวมไปถึงการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของเราได้อีก

ทั้งยังช่วยป้องกันร่างกายของเราไม่ได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายและ ไม่ทำให้เราป่วยได้ง่ายนั่นเอง โดยปกติแล้วเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคนปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพจนทำให้สุขภาพร่างกายนั้นอ่อนแอและเกิดอาการป่วยได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่าหากร่างกายของเรามีอาการป่วยเกิดขึ้นนั้น

หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติเพียงแค่เราทานยาก็สามารถทำให้อาการนั้นหายกลับมาเป็นปกติได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วหลังจากที่เราหายป่วยร่างกายของเราจะยังคงอ่อนแอและต้องได้รับการฟื้นฟู เนื่องจากอาจจะยังมีเชื้อโรคบางประเภท เกาะอยู่ตามร่างกายของเราก็ได้

ดูแลสุขภาพร่างกาย ฉะนั้น วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่ายๆในการดูแลตัวเองหลังจากหายป่วยแล้วซึ่งก็เป็นวิธีง่ายๆ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

การเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ แน่นอนว่าการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายรวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย ซึ่งปกติแล้วหลังจากที่เราหายป่วยร่างกายของเราจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารเพื่อฟื้นบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรง ดังนั้น การที่เราเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อที่จะได้ช่วยให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสารอาหารที่ดีและเพียงพอนั่นเอง

หลีกเลี่ยงจากความเครียด รู้หรือไม่ว่าความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรานั้นมีอาการป่วยได้ ฉะนั้นแล้วหลังจากที่เราหายป่วย หรือหายจากอาการต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหลีกเลี่ยงจากความเครียด ไม่วิตกกังวล เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นมีอาการที่ย่ำแย่ลงอีกได้

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามหลังจากหายป่วยแล้ว เพราะการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้นฟื้นฟูได้เร็วมากขึ้น และทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม เพื่อที่จะได้ช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ